"เราบริการ"
คลิกทักไลน์ : https://line.me/R/ti/p/%40cka9801d
เว็บไซต์: http://www.xn--c3cuckac1b2ade7qpfnb7hf.com/
ยกตัวอย่างจากคราวที่แล้วนะคะ ที่เราซื้อรถยนต์มาในราคา 650,000 บาท ดาวน์ไปแล้ว 150,000 บาท ต้องกู้เพิ่มอีก 500,000 บาท เงื่อนไขจากสถาบันการเงินคิดดอกเบี้ย 4% ต่อปี ระยะผ่อนชำระ 5 ปี (60 เดือน) กรณีนี้ ดอกเบี้ยที่เราต้องส่งตลอด 5 ปี คิดเป็น 500,000 x 4% = 20,000 x 5 ปี = 100,000 บาท รวมเงินที่ต้องผ่อนชำระคืนธนาคารทั้งสิ้น 600,000 บาท ผ่อนชำระ 60 เดือน เท่ากับ ต้องมีภาะรผ่อนชำระ 600,000/60 = 10,000 บาท
เมื่อเราผ่อนชำระไป 3 ปี รถคันนี้จะเหลือวงเงินค้างธนาคารอยู่เพียง 240,000 บาท (600,000 - (10,000x36) = 240,000 บาท) แต่ปรากฏว่าเมื่อเราลองให้ธนาคาร (ที่เดิมหรืออาจจะที่ใหม่ก็ได้) ประเมินราคารถของเรา รถของเราอาจจะยังสามารถรีไฟแนนซ์ได้ในราคา 325,000 บาท นั่นหมายความว่า หากเรายื่นเรื่องรีไฟแนนซ์ใหม่ เราจะสามารถนำเงินส่วนต่าง (ยอดจัดใหม่ - ยอดค้างเดิม = 325,000 - 240,000 = 85,000 บาท (ก่อนหักคาใช้จ่าย)
ออกมาเพื่อใช้จ่ายหรือหมุนเวียนได้ เป็นต้น กรณีเช่นนี้ เราเรียกว่า รีไฟแนนซ์รถ (Car Loan Refinance)
ในการรีไฟแนนซ์รถ อาจขอรีไฟแนนซ์กับธนาคารเดิม หรือรีไฟแนนซ์กับธนาคารใหม่ก็ได้ครับ อย่างไรก็ตามสิ่งที่ควรตระหนักที่ทำให้การรีไฟแนนซ์รถยนต์ต่างจากการรีไฟแนนซ์บ้านก็คือ โดยมากมูลค่าบ้านจะเพิ่มขึ้น (Appreciation) เนื่องมาจากทำเลของบ้านเอง การเจริญเติบโตของชุมชนเมือง ทำให้ราคาที่ดินมีราคาสูงขึ้น เป็นต้น แต่รถยนต์จะเป็นไปในทางตรงข้ามครับ ที่มูลค่าของ ‘รถ’ จะ ‘ลดลง’ (Depreciation) อย่างเรื่อยๆ ทำให้หากคุณต้องการรีไฟแนนซ์รถยนต์ เมื่อถูกประเมินหลักทรัพย์ค้ำประกัน รถยนต์ของคุณอาจมีมูลค่าน้อยกว่ายอดติดจำนองก็เป็นได้ ทำให้ไม่สามารถรีไฟแนนซ์ได้
คลิกทักไลน์ : https://line.me/R/ti/p/%40cka9801d
เว็บไซต์: http://www.xn--c3cuckac1b2ade7qpfnb7hf.com/
หน้าที่เข้าชม | 279,756 ครั้ง |
ผู้ชมทั้งหมด | 232,083 ครั้ง |
เปิดร้าน | 8 ก.ย. 2561 |
ร้านค้าอัพเดท | 4 ก.ย. 2568 |